
จำช่วงเวลาที่เจอเกมใหม่เล่นอะไรก็สนุกชิบหายเลยได้มะ?
รอบนี้อยากเขียนถึง stage ของการเป็นบอร์ดเกมเมอร์ในมุมของผมละ
ผมเชื่อว่าช่วงเวลาที่เราพึ่งรู้จักงานอดิเรกชิ้นนี้อะไรๆแม่งก็น่าตื่นเต้นไปหมด แล้วยิ่งคนที่โตมากับสิ่งที่เรียบง่ายอย่างบันไดงู หรือ monopoly เนี่ยทุกอย่างทุกคุณเจอมันจะโคตรว้าวจัดๆ แบบเห้ยทอยเต๋าได้ของแล้วมาแลกของกันอย่างใน Catan หรือ ไปนั่งปั้นเดคหาสมบัติในเกม Lost ruins of Arnak หรือเอาคนงานน่ารักๆไปทำงานหาข้าวหาของใน Stone Age (แม้กระทั้งเกมอย่างหมาป่ามันก็โคตรจะว้าวเลยใช่ป่ะ) ทุกครั้งที่เปิดกล่องใหม่ (แล้วผ่านความน่าเบื่ออันสาหัสจากการอ่านคู่มือ) ทุกสิ่งคือการผจญภัยครั้งใหม่
แต่นั้นแหละ..... ผ่านไปซักพัก (ก็น่าจะเป็นปีอยู่) ยิ่งคุณเล่นเกมเยอะเท่าไรคุณยิ่งค้นพบว่ามันมี 'รูปแบบซ้ำๆ' (pattern) ที่เราเริ่มจดจำและดักทางได้ คุณจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่า 'กลไก' ของเกมที่มีการที่มันถูกใช้ซ้ำๆแต่ผสมผสานกันในรูปแบบต่างๆไม่ต่างกับการสร้างสรรอาหารจานใหม่จากเครื่องปรุงพื้นฐาน สิ่งใดๆที่เคยเป็นการดักทางคิดล้วงหน้าขั้นสูงที่หัวแทบระเบิดมาตอนนี้มันกลายเป็นอะไรที่แบบ..... ก็ลงตรงนี้ได้ของ 3 ชิ้นเดี๋ยวอีกสองตาก็ลงเคลม ez...
แล้วก็ที่คุณจะรู้ตัว คุณก็จะกลายเป็นอีกกลุ่มคนที่เรียกการผจญภัยอันแสนสุขว่า อ้อ เกมนั้นมัน Worker Placement ใส่ทวิสเป็น Dice Rolling เพื่อเก็บทรัพยากรไปแลกของทำแต้มน่ะ....
มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? เกมมันง่ายขึ้นเรื่อยๆเพราะเราเก่งมากขึ้น หรือว่าจริงๆแล้วที่เปลี่ยนไปคือ 'มุมมอง' ของเรากันนะ?
ช่วงเวลาทองคำของมือใหม่
คือตอนเราเป็นมือใหม่เนี่ยมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากรอบหรือการอ้างอิงอะไร เวลาเจออะไรก็ตื่นเต้นไปหมด ได้โรลเพลย์นิดๆเขย่าเต๋าขอยิงแม่นๆใน Zombiecide แม่งลุ้นสัด หรือได้ทำ Enging Combo ปลดคะแนนเล่านิทานได้ทีนี้โปรดเรียกผมว่า โทนีย์ สต๊าร์ก คือทุกสิ่งมันสนุกมากจริงๆ
เวลาเราเป็นมือใหม่เราไม่ได้มองเรื่องกลไก เราไม่ได้มองเรื่อง 'นวัฒกรรม' ในการออกแบบเกม ไม่ได้มองเรื่องเกมใหม่เกมเก่า เรามองแค่ 'ประสบการณ์' เราแค่ 'สนุก' และมันคือช่วงเวลาที่โคตรจะงดงาม
มือเก๋าและ 'อ้อ ผมเคยเห็นท่าแบบนี้มาแล้ววววว'
พอยิ่งเล่นเกมเยอะ เราก็จะเริ่มเห็นรูปแบบแล้วก็จะเริ่มเรียกเกมด้วยอะไรที่เป็นองก์ประกอบของมันแทน
- 'Worker Place + Resource Conversion System'
- 'ก็หมาป่านั้นแหละ แต่.....'
- 'Roll and Move หรือ? แต่เกมนี้มีไอเดีย Risk Management ที่น่าสนใจดีนะ'
พอมา stage นี้คุณอาจจะรู้สึกว่าเกมจำนวนไม่น้อยเลยมัน 'ตื้น' และขาดความลุ่มลึกไป เกมที่เคยทำให้เราปวดหัวหนึบๆก็กลายเป็นของที่คาดเดาได้ไปหมด เพราะว่าเรานั้นได้เล่นเกมที่เงื่อนไขซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนสิ่งที่เคยยากมองย้อนไปมันก็แค่บวกลบเลขธรรมดา
เราไม่ได้แค่ 'เล่น' เกมอีกต่อไปแล้ว แต่เราถอดรูปแบบ มองหาองก์ประกอบ เซาะหาความแตกต่าง เปรียบเทียบสิ่งที่คล้าย การคิดวิเคราะห์ถึงที่มาของเกมนั้นแม้จะ 'สนุก' แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันได้ขัดขวางความ 'สนุก' ของเกมจริงๆไปเหมือนกันนะ
ตกหลุมรักกับเธออีกครั้ง
พอเราเลยไปอีกจุดหนึ่ง เราก็อาจจะค้นพบสัจธรรมว่าอะไรที่มันง่ายๆนี้มันก็ไม่ได้แย่เลยนะ ออกจะ 'งดงาม' เลยด้วยซ้ำ (นึกหน้า Herry Henderson จากมังงะ Spy x Family เอาไว้)
คือเกมที่ออกแบบมาแบบ 'คิดมาดีแล้ว' แม้จะเรียบง่ายมากๆแต่ก็ยังสนุกอยู่แทนที่เราจะไปมองหาเกมที่มันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเกมใหม่ คนกลุ่มนี้ก็เริ่มจะเปิดรับเกมในแบบที่มันเป็น หรือในแบบในกลุ่มเป้าหมายที่เกมนั้นๆอยากจะนำเสนอ
เรากลับไปเล่นเกมที่ 'ตื้น' ไปแล้วใหม่ไม่ใช่ด้วยความซับซ้อน แต่ยินดีและเข้าใจว่าทำไมมันถึง 'เวิร์ค' แทน
แบบนี้เราจะเรียกมันว่าเป็น full cycle ได้ไหมนะ?
Dunning-Kruger ในแบบที่แตกต่าง
ตอนเขียนเนี่ยผมมีไอเดียของ Dunning-Kruger อยู่ในใจแต่ไม่ได้พยายามจะพูดถึงเรื่องความมั่นอกมั่นใจ vs ความสามารถ แต่อยากพูดถีงอะไรแนวๆ ความลึกของเกมที่เรารับรู้ vs ความลึกจริงๆของเกม (มั้ง?)
- ระดับเริ่มต้น ทุกเกมล้วนลุ่มลึกเพราะยังมองไม่ออกถีงระบบกลไกข้างใน
- ระดับกลาง เกมใดๆก็เริ่มตื้นไปหมดใช้ของซ้ำๆ เพราะเริ่มจดจำระบบได้
- ระดับ --- เรียนรู้ที่จะเข้าใจถึงการออกแบบ ไม่ใช่แต่เพียงความซับซ้อน
เพราะงั้นถ้าใครรู้สึกคล้ายๆกับคนเขียนว่า เมื่อก่อนเนี้ยเจอเกมใหม่เล่นอะไรก็สนุกชิบหายเลย แต่เดี๋ยวนี้น่าเบื่อจัง ก็อย่ากังวลไปไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับคุณ แค่อยู่ดีๆ level up เฉยๆ หนึ่งในทางแก้ที่ผมเจอก็คือ ออกไปชวนคนเล่นใหม่ๆให้มารู้จักงานอดิเรกชิ้นนี้แล้วร่วมเดินทางครั้งใหม่ไปกับพวกเค้าดู
จริงๆตัวจุดประกายข้อเขียนนี้มาจากไปกดๆดูคลิปเกี่ยวกับเรื่องกล้องชื่อ Why your new camera feels like a step back ที่มันเล่าถึงเรื่องพอซื้อกล้องใหม่แล้วหมดช่วงเวลาฮันนีมูนแล้วไปไงต่อ กับนึกถึง Dunning-Kruger Effect ที่เล่าถึงหุบเขาแห่งความไม่รู้ แต่คิดอยู่ว่าอยากจะเขียนถึงในแง่มุมที่ไม่ใช่แนวไปต่อว่าคนไม่รู้ว่าเพราะยังไม่บรรลุยังไงละ อะไรแบบนั้น อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรก็มาคุยกันนะ